Netnapa.net

ทัวร์ส่วนตัวยุโรป โดยคนไทยในเชค

เที่ยวฮัลสตัทท์ครั้งแรก รักไม่แปลกเลย

 

เวลาที่เราออกเที่ยวนานๆ จนมีรูปถ่ายเป็นพันๆ หมื่นๆ รูป เรามักขี้เกียจเขียนหรือเล่าเรื่องที่เพิ่งไปเจอมาให้ใครๆ ได้ฟัง จนเพื่อนๆ คิดว่าเราไม่ได้หายไปไหน แค่หนีกลับอุบลฯ บ้านเกิด

จริงๆ แล้ว ไปไกลถึงยุโรปนานเกือบสองปี และเป็นสองปีที่หลงรักที่นี่ซะจนยอมเปลี่ยนนามสกุลเป็นภาษาแปลกๆ เลิกรักอนาคตอาชีพอันมั่นคง ไม่อยากทำงานประจำที่ไหนแล้ว แม้จะได้โบนัสสามเดือน พอใจจะใช้ชีวิตด้วยการดื่มกินอันน้อยนิด แลกกับอิสรภาพในการได้ไปในโลกที่กว้างใหญ่ เมื่อกลับมาหายเหนื่อยบ้างแล้ว ก็อาจเล่าเรื่องเท่ๆ ที่ได้เห็นมาบ้าง เพื่อให้คนอื่นๆ ได้มีไกด์ออกเดินทางเช่นกัน

การเดินทางสำหรับฉันไม่ได้ให้อะไรเลย นอกจาก “ความทรงจำอันแสนสุข” และฮัลตัทท์เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ให้ความทรงจำอย่างที่ว่า

ฮัลสตัทท์เป็นเมืองสำหรับคนที่เที่ยวเวียนนาเสร็จแล้ว มองหาเมืองบ้านนอกในชนบทที่ทัศนียภาพสวยงาม เมืองมรดกโลกที่ยูเนสโกยกนิ้วให้ในธรรมชาติที่สวยงาม

เราและเพื่อนสามคนมุ่งหน้าสู่เมืองฮัลตัสท์ เมืองชนบทในหุบเขาของออสเตรีย เหตุผลหนึ่งเพื่อหนีไปให้ไกลจากนักท่องเที่ยวจำนานมหาศาลในช่วงไฮซีซั่นของฤดูใบไม้ผลิ เราขับจากเมืองเชสกี้ครุมลอฟ (เมืองมรดกโลกอีกแห่ง) ของเช็ก เมื่อผ่านเมืองลินส์ รวมระยะทางประมาณสามร้อยกิโลเมตร ก็เข้าสู่ถนนเลาะรอบทะเลสาบ มีภูเขาขนาบ อีกด้านเป็นภูเขาหิน

เมื่อเข้าสู่เมืองฮัลตัทท์ มันเป็นเมืองเล็กๆ ที่เหมือนหมู่บ้านพักต่างอากาศริมทะเลสาบ ผู้คนรักสงบ มีร้านอาหารไม่มาก ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาโดยรอบ แม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ปลายยอดของภูเขาสูงบางลูกก็ยังมีหิมะเกาะยอดอยู่ เมื่อแสงแดดส่องสะท้อนจากฟ้าสูงสู่ทะเลสาบ เราก็เห็นทั้งภูเขาเงาสะท้อนน้ำและภูเขาหิมะในแสงแดด งดงามจริงๆ...

มันเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้เมืองหนาวแข่งกันบาน มิใช่ประชันกันเบ่งบานเหมือนงานพืชสวนโลก แต่บานตามธรรมชาติตามชะง่อนหิน และในกระถางหน้าบ้านของชาวพื้นเมือง ดอกเล็กดอกน้อย และสีเขียวของต้นไม้ใหญ่ กับพันธุ์ไม้เลื้อยได้ที่ขึ้นตามหน้าบ้านนอกแบบออสเตรีย ทำให้เกิดความน่ารักน่าเอ็นดูอยู่อย่างนั้น ถึงจะคุ้นเคยกับบ้านนอกของยุโรปแค่ไหน หากแต่ละที่ก็มีเสน่ห์และบรรยากาศของตัวเอง แบบที่ไม่อาจเปรียบเทียบหรือทดแทนกันได้เลย

ก่อนมาฮัลสตัทท์พวกเราพยายามจองที่พักผ่านอินเตอร์เน็ต แต่ล้วนได้ทำตอบว่าเต็ม-เต็ม-เต็ม เพราะเป็นวันสุดสัปดาห์ แต่เมื่อเข้าถึงตัวหมู่บ้านเล็กๆ นี้ ไม่มีแขกหรือผู้คนมากเลย มันเงียบสงบตามสไตล์ชนบทในแถบธรรมชาติทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเดินเข้าออก pension ต่างๆ ไม่ว่าจะริมทะเลสาบหรือบ้านพักที่โผล่เรียงรายตามแนวชันของภูเขา เราก็ได้รับคำตอบว่าที่พักเต็ม จนไม่เข้าใจว่า “มันเต็มตรงไหน” กับระยะทางว่างเปล่าที่ไม่เห็นจะมีคนมากมายเลย

แต่เอาเถอะ แล้วในที่สุด นักเดินทางนอกแผนที่อย่างเรา ก็ได้ที่พักใหม่เอี่ยมที่แม้สภาพห้องจะไม่มีบรรยากาศพื้นเมืองแบบฮัลตัสท์ แต่ภาพเขียนที่หัวเตียง และหน้าต่างบานที่เปิดออกได้เห็นและได้กลิ่นบรรยากาศของทะเลน้ำจืดและภูเขา ระเบียงหน้าห้องที่น่านั่งหวานถูกใจ ก็ทำให้เราเชื่อแน่แก่ใจแล้วว่ามาถึงที่นี่...

ห้องที่เราพักเป็นห้องพักขนาดสองคน ราคาคนละสี่สิบยูโร เป็นห้องที่ดีเยี่ยม แถมมีโซฟาอีกด้วย เมื่อได้ที่พักแล้ว ฉันก็จะจัดการอาหารเย็นง่ายๆ ด้วยเบเกอรี่แบบพื้นเมือง

จากนั้นออกท่องตัวเมืองที่ทั้งเมืองมีถนนอยู่เส้นเดียว (เป็นถนนสองเลน แต่เวลาวิ่งวิ่งได้จริงทีละคัน) มีโบถส์อยู่สองแห่ง อันหนึ่งอยู่ที่ราบ อีกอันหนึ่งอยู่แนวข้างของภูเขา มีจตุรัสกลางเมืองเล็กๆ แต่บ้านรอบๆ จตุรัสชวนให้ถ่ายภาพ เดินต่อไปอีกหน่อย พวกเขายังมีท่าเรือเป็นของตนเอง ซึ่งมีบริการสองแบบคือ เรือข้ามฟากที่กินเวลาไม่กี่นาที เพื่อไปยังสถานีรถไฟ และอีกบริการคือ เรือรอบทะเลสาป ระยะเวลาห้าสิบนาที คนละสิบยูโร

มองไปข้างบนมีน้ำตกเล็กๆ ที่ไหลแรง มีเหมืองเกลือบนยอดเขา ที่มีกระเช้าชันตั้งฉากจนน่าเวียนหัวตั้งแต่ยังไม่ได้ขึ้น สวนเล็กๆ หลังบ้านของใครสักคนที่น่าชะเง้อมองการจัดสวนสวยๆ ริมทะเลสาป หน้าบ้านที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ดอกไม้ และเครื่องไม้เครื่องมือแบบพื้นเมือง เป็นต้นว่ากองฟืนที่วางกองอย่างเป็นระเบียบ และจักรยานที่ผู้คนใช้เป็นยานพาหนะยอดนิยม

“ฮัลสตัทท์” หมู่บ้านที่ได้รับการขนานนามว่า “มรดกโลก” แห่งนี้มีองค์ประกอบทุกอย่างที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจ ทะเลสาบที่มีนกบิน ห่านและเป็ดสวยๆ ในน้ำตามธรรมชาติ เก้าอี้ริมทะเลสาปสักตัว และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นจริงๆ แบบที่ยังมีน้ำใจและรอยยิ้ม ไม่เสแสร้ง  เหมือนเมืองต่างอากาศแบบทันสมัย ที่อะไรๆ ก็เป็นมืออาชีและมีคำว่า “ธุรกิจ” เข้าเกี่ยวข้อง

หากใครสักคนจะไม่หลงรักเมืองนี้ขึ้นมา ก็น่าจะเรียกได้ว่า “ไม่มีหัวใจ” ในระดับห้าเรตติ้ง. 

  

My Reviews:

1. นิยมไปเที่ยวฮัลสตัทท์ โดยเดินทางด้วยรถไฟจากเวียนนา หรือจากเชสกี้คลุมลอฟ ประเทศเช็ก ระยะทางประมาณสามร้อยกว่ากิโล

2. ที่พักมีให้เลือกมากพอสมควร สามารถวอล์กอินได้ แนะนำที่ Pension Haus Sarstein เพราะติดริมฝั่งทะเลสาป และมีสวนริมทะเลสาปส่วนตัวน่านั่ง

3. ในหมู่บ้านมีเหมืองเกลือ เริ่มเปิดเก้าโมงเช้า ค่ากระเช้าขึ้นเหมืองเกลือคนละประมาณห้ายูโร ค่าเข้าชมเหมืองเกลือคนละสิบยูโร

4. การเดินทางจากฮัลสตัทท์ไปเวียนนา ไม่มีรถบัส ต้องไปด้วยรถไฟ โดยเรือจากเกาะไปยังอีกฟาก ออกทุกชั่วโมง ค่าเรือคนละสองยูโร จากนั้นเดินไปอีกนิดเดียว ต่อรถไฟไปที่เมือง Bad Ischl คนละ 3.40 ยูโร แล้วไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเวียนนา ราคาคนละ 27 ยูโร (ซึ่งต้องแวะเปลี่ยนขบวนด้วย) ใช้ระยะเวลาเดินทางเกือบสี่ชั่วโมง ระยะหว่างทาง จะผ่านเส้นทางหมู่บ้านชนบทที่สวยงาม

5. ของที่ระลึกเป็นชุดแบบพื้นเมือง มีทั้งของเด็กและผู้หญิง สวยงาม น่ารัก มีขายในร้านขายของที่ระลึก ราคาประมาณร้อยยูโร

6. ที่เมือง Bad Ischl ตรงจุดเปลี่ยนรถไฟเข้าเวียนนา มีพระราชวังของซีซี่ที่สวยงามและน่าเที่ยว หากสนใจเที่ยว ควรเลือกออกจากตัวเมืองฮัลสตัท์แต่เช้า

7. เวบไซต์ http://www.hallstatt.net/

 

collumn: travel@Europe  True Escape Magazine

text/foto: เนตรนภา แก้วแสงธรรม ยาเนซโกวา