Netnapa.net

ทัวร์ส่วนตัวยุโรป โดยคนไทยในเชค

Salzkammergut ฮัลสตัทท์ ออสเตรีย 

text เนตรนภา แก้วแสงธรรม ยาเนซโกวา / ภาพ www.netnapa.net 

ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร King Power ประเทศไทย

 

ประโยคที่ฉันมักใช้โฆษณาชวนเชื่อบ่อยๆ คือ ออสเตรียมีอีกหลายเมืองที่คนไทยยังไม่เคยรีวิว ควรได้ไปลองเที่ยวแบบ “เจาะ” สักครั้งในชีวิต  จะพบความความแตกต่างหลากหลาย อย่างไม่น่าเบื่อ และไม่น่าเชื่อ

 

 

คนขวานผ่าซากอย่างฉันชอบค่อนแขะความตรงแข็งแบบเยอรมันว่า ช่างดูตรงและจริงเกินไป ภาพเมืองต่างๆ บางครั้งก็ซ้ำๆ ถ้าไม่ไปทัวร์เส้น “ถนนสายโรแมนติก” หรือ “ป่าดำ” ก็จะพบว่าภาพในพี่กูนั้นสวยเกินจริง คำว่า “รายละเอียด” อันอ่อนลึกของถนนและวิวพาโนราม่านั้น กระแทกใจฉันน้อยกว่าออสเตรียยิ่งนัก

“ออสเตรีย” ประเทศโปรดเลยจริงๆ

เหตุผล 5 บรรทัด คลาสสิค! เต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรม ดนตรี และเป็นศูนย์รวมธุรกิจแล้ว ยังมีธรรมชาติที่สวยงาม ไม่แพ้ทางสวิสเซอร์แลนด์ที่คนไทยเราชอบมากด้วย 

แถมยังเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ภาพถนนแบบธรรมชาติ ทุ่งกว้าง ดอกไม้บ้านหรือหิมะปกคลุมขาวโพลน เนินสลับซับซ้อน ภูเขาสูง ทะเลสาปสีฟ้าราวทะเลใส  ภูเขาสูง  กีฬากลางแจ้ง และบ้านไม้แบบชนบทที่ตกแต่งหน้าบันด้วยดอกไม้สีสดๆ ถ่ายรูปขึ้น Wall เรียก Like ได้ตรึม

ยิ่งถ้าเป็นแคว้นตอนเหนือของประเทศ อย่าง Salzkammergut ที่มี “Hallstatt” เป็นตัวเรียกแขกแล้วล่ะก็ ด้วยอาชีพเสริมรับจ็อบเป็นทัวร์ลีดเดอร์อย่างฉัน ทำให้ได้เดินทางไปแคว้นนี้ ไม่ต่ำกว่า 30 รอบ ไม่เคยเบื่อ หลงรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น 

ขนาดวันไหนวันหยุด ก็ยังอุตส่าห์ขับรถไปเอง สำรวจทุกหมู่บ้านและขุนเขา 

แม้จะเป็นช่วงหิมะเขาตีเมืองตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมจนถึงกลางเดือนภุมภาพันธ์ ก็ไม่ได้ทำให้อยากเที่ยวน้อยลง แต่กลับทวีความ “ต้องเที่ยว” มากขึ้น 

หิมะขาวสวยที่ปกคลุมพื้นดิน หลังคาบ้าน และยอดต้นสน บางส่วนก็แข็งกลายเป็น “แท่งคริสตอล” งามหยดย้อย ยิ่งทำให้เมืองพวกนี้ เป็นเมืองที่เหมือนในเทพนิยายอย่างแท้จริง

ยิ่งสวย ยิ่งหนาว มันกลับยิ่งสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืม

เราใช้ชีวิตให้คุ้ม ก็เพื่อสะสมความทรงจำ จริงหรือไม่? บอกกัน...

 

เมืองในเขตป่าสน เขาสูง และทะเลสาปนี้  หากขับรถผ่าน จะเห็นว่ามันแบ่งออกเป็นหมู่บ้านที่ราบที่เงียบสงบ มีศอกปศุสัตว์เตี้ยๆ ฤดูร้อนหรือใบไม้ผลิ เขาจะปลูกดอกไม้สีสดๆ อย่างกุหลาบ และทิวลิป แล้วขึ้นป้ายบอกว่า 

“เชิญมาเก็บดอกไม้ไปเลยได้ตามใจชอบ จะหย่อนเหรียญให้ ก็ที่กล่อง แต่ถ้าไม่ให้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ลงมาเก็บดอกไม้เถอะ”  น่ารักมากๆ 

ถ้าไม่ใช่หมู่บ้านแบบเกษตรง่ายๆ (แต่จริงๆ ใช้เครื่องทุ่นแรงที่ทันสมัยมาก) ก็เป็นหมู่บ้านริมทะเลสาปสีจัดจ้าน เต็มไปด้วยร้านรวงดีๆ โบสถ์เก่าแก่แต่โบร่ำโบราณ และที่น่านั่งเล่นริมทะเลสาป  พวกนี้จะเป็นหมู่บ้านโบราณ หน้าบันบ้านเขียนไว้สวยจับตา 

ส่วนพวกหมู่บ้านที่ไม่ได้สวยวิจิตร มักไม่อยู่ริมทะเลสาป แต่ใกล้ภูเขาใหญ่ที่มีเคเบิ้ลคาร์หลากหลายขนาดขึ้นเขา ก็จะเป็นศูนย์กลางของสกีรีสอร์ทไป ซึ่งมีหลายเมืองมาก เพราะออสเตรียเต็มไปด้วยภูเขา วิวอาจจะไม่สวย แต่มีร้านขายของอุปกรณ์กีฬาและร้านค้าปลึกหลากหลายแบบ ทำให้กระเป๋าฉีกก่อนถึงภูเขาจริงๆ 

วิธีการเที่ยวในเขตนี้ ถ้าไม่ขับรถเอง หรือจ้างไกด์ส่วนตัวก็เป็นเรื่องลำบากหน่อย เพราะไม่ค่อยมีรถบัส ยิ่งในช่วงหน้าหนาวด้วย นานๆ จะมาที การเช่ารถเป็นรายวันก็มีราคาแพงและยุ่งยากพอสมควร 

ถ้าจะให้ดี ลองมองหาบริษัททัวร์ที่นำเที่ยวแบบส่วนเป็นกลุ่มเล็กๆ รับรองว่าจะได้เห็นสวรรค์บนดิน แบบประสบการณ์นับไม่ถ้วนที่ฉันได้เห็นลูกทัวร์มีความสุขเมื่อได้ใช้สายตามองภาพในฝัน สนใจให้ฉันแนะนำเส้นทางให้ ก็ลองเข้าไปดูที่เวบของฉันนะคะ www.netnapa.net 

การเที่ยวจะเป็นแบบนี้ค่ะ รถส่วนตัวควรจะพาคุณขึ้นไปยังถนนเส้นต่างๆ ที่เอาไว้ขับรถชมวิว เช่น ถ้าที่แคว้น Salzkammergut ก็จะมีถนนสาย Grossglockner High Alpine Road  ถนนเส้นนี้ วิ่งออกจาก Salzburg ไปไม่ไกล  เมื่อผ่านจุดเสียเงินค่าผ่านทางพิเศษแล้ว จะขับชมวิวไปถึงยอดเขาถึง 40 กม. ได้เห็นวิวกว้างสุดลูกหูลูกตา 

เขาๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  ซึ่งถ้าไปเที่ยวแบบมี “เรา” รับรองว่าจะซึ้งไปอีกนาน

 


 

ส่วนตัวฉันเอง นิยมชมชอบไปเขาลูกอื่นๆ ที่คิดว่าคนไทยอื่นๆ ไม่น่าจะสนใจไปอย่างถนน Loser  ถนนเส้นนี้ต้องจ่ายค่าผ่านทางเช่นกัน วนเป็นโค้งขึ้นไปด้านบนสุด มีร้านขายอาหารชมวิว ภาพที่เห็นไม่อลังการเท่า Grossglockner แต่ขอบอกว่า “การไล่เก็บแต้มนั้นจำเป็น” ต่อเราในบ้างครั้ง เพราะการเปรียบเทียบให้ภาพชัดขึ้น

ประสบการณ์น่ารักน่าชังอีกอีกอย่างหนึ่งคือตอนที่ไปเที่ยวส่วนตัว ที่เมืองเล็กๆ มีเสน่ห์อย่าง Ramsau ในแถบเขา Dachstein เมื่อฉันโทรถามเส้นทางไปโรงแรม เจ้าของโรงแรมก็บอกว่า “ถ้าไม่ขับมาเส้นนี้ ซึ่งงงนิดหน่อย จะง่ายกว่าถ้าคุณมาด้วยสกี ข้ามเขาลูกนี้มา!!” แล้วก็อธิบายวิธีสไลด์สกีข้ามภูเขา เพื่อ check in โรงแรมให้เสร็จสรรพ

“!?!!” 

นอกจากต้องขับรถชมวิว ต้องเดินเล่นชมบ้านน่ารัก ต้องทำโรแมนติกริมทะเลสาป และชอปปิ้งร้านค้าทันสมัยมากมายแล้ว กิจกรรมยังไม่หมดแค่นี้ ยังต้อง “ขึ้นเขา” ด้วยนะ ไม่ใช่แค่ขับรถชมเขา

จุดขึ้นเขาในแถบบนี้มีเยอะมาก! ขอยกนิ้วให้ที่ Five Fingers ใกล้ๆ หมู่บ้านฮัลสตัทท์ วิวสวยสุดๆ เคเบิ้ลก็ใหญ่กว่า  เดินนี้เฉียดก้อนเมฆกันเลย บ้านหลังคาเหลือเท่าเศษฝุ่น คนกลัวความสูงอาจสั่น แต่บางครั้งก็สั่นสู้ เพราะอยากได้รูปมาลง Face

ส่วนที่ St. Gilgen อันนี้ เคเบิ้ลช้าดี วิวต่ำกว่า เลยเห็นชัดตาเต็มๆ  และที่ Bad Hofgastein ชอบความเป็นสโลปที่น่าหล่นลงไปง่ายๆ เวลาเราเดินตอนอยู่ยอดเขา ที่ทำให้ฉันถึงกลับทรุดลงไปกองที่พื้น ไม่กล้าเดินต่อ เพราะหายใจไม่ทัน และยิ่งสะพานมรณะแบบที่เราต้องเดินผ่านไประหว่างเขาสองลูก อันนั้นถึงไม่ได้ลองเอง แต่ก็เสียวจนยกกล้องมาถ่ายรูปคณะไม่ขึ้น

แคว้นนี้เขามีเคเบิ้ลคาร์และสกีลิฟท์น้อยใหญ่เยอะมาก เที่ยวได้ไม่หวาดไม่ไหวจริงๆ ราคาก็เป็นพันต่อหัว แต่ความสะดวก มั่นใจ ปลอดภัย และประสบการณ์ที่ได้คุ้มค่า

โอ๊ย กิจกรรมยังไม่หมดนะคะ การเที่ยวแถบนี้ ยังมีเป้าหมายของเลือกสรรที่พักที่น่าอภิรมย์ เพราะแถบบนี้เต็มไปด้วยที่พักชั้นดีมากมาย และที่พักเล็กๆ ที่น่ารัก ราคาเกินคุ้ม 

ความสามารถในการเลือกสรรที่อยู่ทีกิน คือ เอกลักษณ์เฉพาะตน บางโรงแรมมีสระน้ำอุ่นๆ ยื่นไปในทะเลสาปเย็นๆ เพราะพวกนี้เขาชอบแช่น้ำอุ่น สลับน้ำเย็น  โรงแรมจำนวนมากจะมีสปาที่มีซาวน่าหลากหลายประเภท ดีต่อร่างกายในฤดูหนาว และเทคนิคของการทำซาวน่าทั้งร้อนสลับเย็น และจากุสซี่ ในแบบต่างๆ 

การตกแต่งสปาของเข แต่ละที่มีเสน่ห์น่าดู น่าศึกษา นานๆ ไป ก็กลายเป็นคนชอบแก้ผ้า เข้าซาวน่าแบบไม่เคอะเขิน เพราะชอบความอุ่นไอของซาวน่าในฤดูหนาวไป

โรงแรมที่มีซาวน่าและสระว่ายน้ำพวกนี้ เขาทำได้ไม่น่าเบื่อจริงๆ สระน้ำก็มีหลากหลายรูปแบบ ให้หลากหลายวัยได้เอนจอยได้ ทั้งสระผู้ใหญ่และสระเด็ก ทั้งสำหรับคนว่ายน้ำไม่เป็นและคนว่ายน้ำเก่ง มีจุดให้นอนผ่อนคลาย หลังเล่นน้ำสลับซาวน่า

คุณอาจเลือกแพคเกจแบบค่าโรงแรม รวมค่าอาหารทั้ง 3 มื้อ เขาก็จะจัดอาหารแนวสุขภาพแบบฝรั่งให้ลิ้มลองด้วย

โดยเฉพาะมื้อเย็นที่โรงแรม ฝรั่งจะแต่งตัวสวยหล่อควงกันมากินดินเนอร์อย่างมีความสุข พวกเขาจะเสริ์ฟทีละเมนูในชุดที่เราเลือกได้  แพคเกจพวกนี้ จะเป็น 3 วัน 2 คืน เป็นต้น 

ถ้าคุณจองโรงแรมพวกนี้ อย่าไปไหนไกลจากโรงแรม เพราะในโรงแรมมีทุกอย่าง มีมุมอ่านหนังสือ มุมเด็กเล่น มีดูกีฬา มุมเล่นไพ่ มุมเล่นสนุกเกอร์ และมุมเรียนทำอาหาร หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่โรงแรมจัดให้ด้วย 

เห็นไหมว่าถ้ามีเวลาเที่ยวอย่างเจาะลึก คุณจะได้รับประสบการณ์มากมาย เพราะบางครั้งการเห็นอะไรมากมาย ก็ราวกับไม่ได้เห็นและจดจำอะไรชัดๆ เลย

Salzkammergut  แถบบนี้จึงกินเวลาส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันไปมาก แต่ไม่เป็นไร ถ้าเปรียบเป็นแฟน เวลาที่เสียให้แฟนคนนี้ มีแต่เรื่องดีๆ ตื่นตาตื่นใจ และน่าเก็บกอดไว้นานๆ เขาเป็นแฟนคนโปรดจริงๆ ค่ะ

 

แนะนำ ขับรถเที่ยวเอง จาก Salzburg - Hallstatt

  • หลังจากเที่ยวซาลบวร์กเสร็จแล้ว ให้ขับรถไปเที่ยว Grossglockner High Alpine Road โดยจากซาลบวร์ก ขับไปตามเส้นทาง "Fusch an der Glocknerstraße" รหัสไปรษณียฺ 5672 แล้วตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ จนถึงจุดจ่ายเงินที่ Ferleiten 
  • หลังจากนั้น ลงจากเขาแวะเที่ยวเมือง St. Wolgang และ St. Gilgen สองเมืองนี้ สีสันฉูดฉาดพอๆ กัน 
  • ขับรถยาวมาเรื่อยๆ ตั้งนาวิเกเกอร์ที่ Hallstatt จะผ่านวิวสวยๆ มากมาย แวะได้ตามใจชอบ แต่ที่น่าแวะคือ กินขนมหวานท้องถิ่นชื่อดังที่ Bad Ischl อย่างร้าน Konditorei-Kaffee Zauner
  • จากนั้นตรงไปชมเมือง Hallstatt เมืองชื่อดังที่คนไทยชอบมากตลอดกาล นอนโรงแรมริมเลค บ้านเก่าโบราณอายุ 450 ปี อย่าง Gashof Simony  
  • วันต่อมา ขึ้นเขาที่ Five Fingers ห่างจากฮัลตัทท์แค่ 2 กม. ค่าขึ้นเขาคนละ 25 ยูโร เปิดเฉพาะกลางเดือนพฤษภาคม - ปลายเดือนตุลาคม เท่านั้น และขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันนั้นด้วยว่ามีเมฆหมอกเยอะ บดบังทัศนียภาพหรือเปล่า
  • จากนี้ไป หากมีเวลามากก็แวะได้ทุกเมืองในคู่มือที่หาซื้อได้ในแถบนั้น เพราะแต่ละเมืองสวยไปคนละแบบ สวยทุกเมืองเลย แนะนำให้อยู่แคว่้นนี้อย่างน่้อย 5 คืน ค่อยขับรถกลับเวียนนา

 

สงวนลิขสิทธิ์ โดย เนตรนภา ยาเนซโกวา www.netnapa.net